หลักฐานที่บ่งบอกถึงวิวัฒนาการ

1. หลักฐานซากดึกดำบรรพ์ของสิ่งมีชีวิต
      หลักฐานดึกดำบรรพ์ของสิ่งมีชีวิตหรือหลักฐานทางธรณีวิทยา(geological evidence)
เป็นหลักฐานซากพืชซากสัตว์ในชั้นหินต่าง ๆ ซึ่งเรียกว่า ซากดึกดำบรรพ์หรือฟอสซิล (fossil)
 วิชาที่ศึกษาซากเหล่านี้เรียกว่า บรรพชีวินวิทยา ( paleontology)

                               
                   ภาพแสดง : รูปซากดึกดำบรรพ์ของสิ่งมีชีวิต 
         ที่มา : http://www.bantan.ac.th/blog/wp-content/uploads/2009/06/1_11.jpg

2. หลักฐานกายวิภาคเปรียบเทียบ
       การศึกษาเปรียบเทียบของโครงสร้างต่างๆในตัวเต็มวัย กำเนิด หน้าที่ และการทำงาน
ของกลุ่มสิ่งมีชีวิตต่างๆ ได้แก่ Homologous structure และ Analogous structure
•     Homologous structure
      โครงสร้างมาจากจุดกำเนิดเดียวกันแต่ทำหน้าที่ต่างกัน วิวัฒนาการของโครงสร้างนี้
เรียกว่า Homology การที่มีจุดกำเนิดเดียวกันแสดงว่าสิ่งมีชีวิตกลุ่มนี้มีความสัมพันธ์ใกล้ชิด
 กันในเชิงวิวัฒนาการ (มีบรรพบุรุษร่วมกัน)
        แผนภาพเปรียบเทียบ Homologous structure ของระยางคู่หน้าในสัตว์มีกระดูกสัน
หลังซึ่งจะแตกต่างกันในขนาด รูปร่างและหน้าที่ แต่มีแบบแผนของโครงสร้างคล้ายคลึงกัน
 (สังเกตลักษณะกระดูกชิ้นต่างๆที่มีสีเดียว มาจากจุดกำเนิดเดียวกัน)

                    
                         ภาพ หลักฐานทางกายวิภาคเปรียบเทียบ
              ที่มา : http://www.bio.miami.edu/dana/pix/homologous.jpg

•       Analogous structure
       โครงสร้างของสิ่งมีชีวิตที่มาจากจุดกำเนิดต่างกันแต่ทำหน้าที่เหมือนกัน เรียก
วิวัฒนาการของโครงสร้างนี้ว่า
Analogy ในเชิงวิวัฒนาการสิ่งมีชีวิตกลุ่มนี้ไม่มีความสัมพันธ์กันทางบรรพบุรุษ
แผนภาพเปรียบเทียบ ปีกนก ปีกแมลง โครงสร้างมาจากจุดกำเนิดต่างกัน แต่นำไปใช้ใน
การบินเช่นเดียวกัน


                              
                      ภาพ  กายวิภาคเปรียบเทียบของปีกแมลงและปีกนก 
                ที่มา : http://www.thaigoodview.com/files/u19987/Analogous.jpg

3. หลักฐานจากคัพภะวิทยาเปรียบเทียบ
       ในบางกรณีที่ไม่สามารถ ศึกษากายวิภาคเปรียบเทียบในระยะตัวเต็มวัยได้ แต่เมื่อศึกษา
การเจริญเติบโตในระยะเอ็มบริโอแล้ว พบว่าใช้เป็นหลักฐานสนับสนุนการเกิดวิวัฒนาการ
ของสิ่งมีชีวิตได้
    จาก การเจริญเติบโตของเอ็มบริโอของสัตว์มีกระดูกสันหลังระยะแรกๆ จะเห็นว่ามี
อวัยวะบางส่วนที่คล้ายคลึงกัน เช่น ช่องเหงือก(gill slit) และหาง เป็น ต้น ความคล้ายคลึงกัน
ของการเจริญเติบโตในระยะเอ็มบริโอนี้อาจเป็นไปได้ว่า สัตว์มีกระดูกสันหลังเหล่านี้ต่างมี
วิวัฒนาการมาจากบรรพบุรุษเดียวกัน แต่มีการปรับเปลี่ยนรูปร่างอันเป็นผลมาจากการวิวัฒนาการ
เพื่อให้เหมาะสมต่อ การ ดำรงชีวิตในสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกัน


                                  
                  ภาพ การเจริญเติบโตในระยะต่าง ๆ ของสัตว์มีกระดูสันหลัง 
           ที่มา : http://biohong6.exteen.com/images/clip0076.jpg







4. หลักฐานด้านชีววิทยาระดับโมเลกุล
       จากการศึกษาอัตราของมิวเทชั่นที่เกิดขึ้นในสภาวะที่เป็นธรรมชาติของดีเอ็นเอ พบว่า
อัตราการเกิดมิวเทชั่นต่ำมากและค่อนข้างคงที่การเปลี่ยนแปลงกรดอะมิโน แต่ละโมเลกุลที่
เกิดขึ้นในสายของโปรตีน กินเวลาหลายล้านปี เช่น การเปลี่ยนแปลงกรดอะมิโน
ในไซโตโครมซี 1 โมเลกุลใช้เวลานานถึง 17 ล้านปี ดังนั้นคนเริ่มแตกต่างจาก
ลิงซีรัสเมื่อ 17 ล้านปีมาแล้วเพราะมีกรดอะมิโนแตกต่างกัน 1 โมเลกุล ดังนั้น สิ่งมีชีวิตที่มี
ความใกล้ชิดทางสายวิวัฒนาการจะมีความแตกต่างของนิ วคลีโอไทด์น้อย และถ้าแตกต่าง
กันมากจะมีสายวิวัฒนาการแตกต่างกันมากขึ้น จากการศึกษาพบว่าลิงซิมแพนซีมีความใกล้ชิด
กับคนมากที่สุด

ตารางแสดงจำนวนของกรดอะมิโนที่แตกต่างกันไซโตโครมซีของคน ลิงซีรัส กระต่าย และม้า

ลิง
กระต่าย
ม้า
คน
1
9
12
ลิงซีรัส
-
8
11
กระต่าย
-
-
3

สรุปจากตาราง
- คนเริ่มมีไซโตโครมซี แตกต่างจากลิงซีรัส เมื่อ 17 ล้านปี
- คนเริ่มมีไซโตโครมซี แตกต่างจากม้า เมื่อ 204 ล้านปี

5. หลักฐานทางชีวภูมิศาสตร์
       ภูมิอากาศและภูมิประเทศเป็นตัวกําหนดที่ทําให้ มีการกระจายของพืช และสัตว์
แตกต่างกันไปโดยอยู่กับความเหมาะสมของสภาพแวดล้อมนั้นๆ สิ่งกีดขวางต่างๆ
 เช่น ภูเขา ทะเลทราย ทะเลมหาสมุทรเป็นผลให้มีการแบ่งแยกและเกิดสปีชีส์ในที่สุด
 เช่น การเกิดสปีชีส์ของกุ้งที่ต่างกัน 6 สปีชีส์ จากเดิมที่มีเพียงสปีชีส์เดียว แต่การเปลี่ยน
แปลงและการเคลื่อนขยับของแผ่นทวีป ทำให้กุ้งเหล่านี้ถูกแยกจากกัน โดยสภาพทาง
ภูมิศาสตร์ และต่างก็ต้องปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมเมื่อเวลาผ่านไป ลักษณะ
ความแตกต่าง จึงเพิ่มขึ้นเรื่อยจนไม่อาจผสมพันธุ์กันได้อีก เกิดเป็นกุ้งต่างสปีชีส์ขึ้น

                
            ภาพ การเกิดสปีชีส์ใหม่ของกุ้งในมหาสมุทรแปซิฟิกและทะเลคาริเบียน
จากกุ้งสปีชีส์เดียวกันแต่ถูกแยกกันด้วยสภาพทางภูมิศาสตร์ 
       ที่มา : http://www.ipecp.ac.th/cgi-binn/BP1/Program/chapter2/image1/ss9.gif





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น